คำอธิบายของสถานที่ท่องเที่ยว
Beachy Head เป็นหน้าผาชอล์กบนชายฝั่งทางใต้ของบริเตนใหญ่ ใน East Sussex ใกล้เมือง Eastbourne หน้าผาสูง 162 เมตรและเป็นหน้าผาชอล์กที่สูงที่สุดในบริเตนใหญ่
ชอล์กเป็นหินก่อตัวขึ้นในสมัยทางธรณีวิทยาซึ่งเรียกว่าช่วงปลายยุคครีเทเชียสตั้งแต่ 65 ถึง 100 ล้านปีก่อน แล้วบริเวณนี้ก็อยู่ใต้น้ำ ในช่วงยุค Cenozoic มีการยกตัวของเปลือกโลกและเมื่อยุคน้ำแข็งสิ้นสุดลงและช่องแคบอังกฤษก็ก่อตัวขึ้น หน้าผาชอล์กสีขาวของชายฝั่ง Sussex ก็ปรากฏขึ้นในปัจจุบัน เป็นเพราะหินเหล่านี้ที่เกาะบริเตนมีชื่อละตินว่าอัลเบียน - สีขาว
หน้าผาสีขาวทำหน้าที่เป็นแนวทางสำหรับลูกเรือมาช้านาน แต่การล่องเรือรอบแหลมนี้ค่อนข้างอันตราย และในปี 1831 ก็เริ่มมีการก่อสร้างประภาคาร Bel-Tu ทางตะวันตกของ Beachy Head เล็กน้อย ประภาคารนี้เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2377 และในปี พ.ศ. 2542 เนื่องจากการกัดเซาะของหิน ประภาคารจึงต้องย้ายเข้าฝั่งลึก 15 เมตร แสง Bel-Too มักถูกบดบังด้วยหมอกหรือเมฆต่ำ และในปี 1902 มีการค้นพบประภาคารแห่งที่สองซึ่งตั้งอยู่ในทะเลที่เชิงเขา Beachy Head ประภาคารนี้มีผู้เฝ้าอยู่สามคน และมองเห็นแสงไฟได้ไกลถึง 42 กม. ในทะเลหลวง ในปี 1983 ประภาคารเป็นแบบอัตโนมัติทั้งหมด
พื้นที่ของซัสเซ็กซ์นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ทางทิศตะวันตกของ Beachy Head เป็นกลุ่มหน้าผาชอล์กที่เรียกว่า Seven Sisters (แม้ว่าจริงๆ แล้วมีหินแปดก้อน ไม่ใช่เจ็ดก้อน) ระหว่างพวกเขาคือหมู่บ้าน Birling Gap ซึ่งมีโรงแรมและร้านอาหาร และไปที่เชิงโขดหิน คุณสามารถลงบันไดโลหะที่ยึดติดกับผนังชอล์ก
น่าเสียดายที่ Beachy Head ค่อนข้างเป็นที่นิยมกับการฆ่าตัวตาย อันดับที่สามของโลกรองจากสะพานโกลเดนเกตในซานฟรานซิสโกและป่าอาโอกิงาฮาระในญี่ปุ่น การฆ่าตัวตายครั้งแรกถูกบันทึกไว้ที่นี่ในศตวรรษที่ 7 ตามรายงานบางฉบับ มีผู้เสียชีวิตมากถึง 20 รายใน Beachy Head ต่อปี แต่สถิติถูกปิดเพื่อไม่ให้เกิดการฆ่าตัวตาย องค์กรการกุศลทางศาสนาในท้องถิ่นตระเวนไปตามชายฝั่งเป็นประจำ และบาร์เทนเดอร์และคนขับแท็กซี่ในพื้นที่คอยเฝ้าระวังอยู่เสมอ นักเคลื่อนไหวขององค์กรเหล่านี้เชื่อว่าการรายงานข่าวการฆ่าตัวตายในรายละเอียดดังกล่าวในสื่อกระตุ้นให้ผู้คน